รีวิวเมืองแชงกรีล่า (Shangri-La) ประเทศจีน เดือนมีนาคม

 4,205 total views

ครั้งนี้แอดหนวดได้ออกไปท่องเที่ยวเพื่อค้นหามุมมองใหม่ๆ ที่จะมาฝากลูกเพจ Hangaround โดยการเลือกไปเที่ยวที่ประเทศจีน เมืองแชงกรีล่า ลี่เจียง และคุนหมิง ในช่วงต้นเดือนมีนาคม

สำหรับรีวิวนี้ จะพาไปที่ เมืองแชงกรีล่า ซึ่งเราพักอยู่ในเมืองเหล่านี้เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน และถือว่าเมืองที่หนาวที่สุดในทริปนี้ และแน่นอนว่าแอดหนวดไม่พลาดที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากทริปที่เคยไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลถ่ายรูปที่น่าสนใจ ร้านอาหารที่ไม่เคยลองมาก่อน หรือแม้กระทั่งการเลือกที่พักที่ไม่เหมือนใคร ที่จะทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และความประทับใจที่ไม่เคยเจอมาก่อนในทริปนี้

เมืองแชงกรีล่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งในเรื่องของอากาศเย็นสบายในช่วงฤดูหนาว วิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม รวมไปถึงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งถ้าหากใครอยากหามุมมองใหม่ๆ ในการเที่ยว คิดว่าแชงกรีล่าจะเป็นจุดหมายที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก “เมืองแชงกรีล่า” กันก่อนนะครับ

จริงแล้วๆ เมืองแชงกรีล่า หรือ เดิมมีชื่อว่า เมืองจงเตี้ยน อยู่ห่างจากลี่เจียง 200 กิโลเมตร เป็นชุมชนเก่าของชาวทิเบต ชาวบ้านเรียกเกลทัง รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกและเกสต์เฮาส์ ถนนดินกลายเป็นถนนปูด้วยหินกรวด ตอนเย็นจะมีการแสดงพื้นบ้านของชาวทิเบตที่จัตุรัสใหญ่
ด้านหลังเมืองเก่าจะมองเห็น กงล้อมนต์สีทอง สูง 23 เมตร ผู้คนนิยมไปหมุนวนเพื่อให้บทสวดนั้นกังวานไปถึงสรวงสวรรค์ ช่วงที่แอดไปคือต้นเดือนมีนา สภาพอากาศช่วงนี้ยังมีหิมะตกอยู่ และถ้าขึ้นไปบนภูเขาหิมะสือข่า (Shika Snow Mountain) หิมะจะหนาและลมแรงมาก

การเดินทาง

เนื่องจากเป็นทริปที่เดินทางจากพื้นราบไปยังพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล สำหรับคนที่ไม่เคยไปมาก่อน อาจเกิดภาวะแพ้ที่สูง ซึ่งมีอาการปวดหัว มึนหัว และอ้วกซึ่งแอดเป็นหมดทุกอาการ ฮ่าๆ แนะนำให้ค่อยๆ ไต่ระดับการเดินทางจากเมืองคุนหมิง ลี่เจียง และไปยังแชงกรีล่าจะดีกว่า
ซึ่งการเดินทางมีดังนี้
– เมื่อถึง “เมืองคุนหมิง” พักเมืองและเที่ยวนี้ก่อน 1 คืน
– แล้วนั่งรถไฟนอนไปยัง “เมืองลี่เจียง” (จองออนไลน์ล่วงหน้า ก่อน 1 เดือน )
– นั่งรถบัสจากเมืองลี่เจียง ไปยัง “เมืองแชงกรีล่า” ใช้ระยะเวลา 4-5 ชั่วโมงในการเดินทาง
– นั่งเครื่องบินในประเทศกลับมายังเมืองคุนหมิง

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างเมือง

– รถไฟนอน ตู้นอนพิเศษ 1,060 บาท
– รถบัส ประมาณ 300 บาท
– ตั๋วเครื่องบิน แชงกรีล่า – คุนหมิง ประมาณ 2,000 บาท รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 KG

การจองที่พัก

จากการเมืองหาที่พักในประเทศจีนมาสักระยะ บอกตรงนี้เลยว่า Booking.com มีที่พักให้เลือกเยอะกว่าหลายๆที่ ยิ่งเมืองแชงกรีล่า ที่พักใน Booking.com จะมีให้เลือกเยอะมาก

โดยผมเลือกที่พักชื่อ “The Blue Mountains on the Moon” อยู่ใกล้เมือง Old Town

จองล่วงหน้าก่อนไปนานๆ หน่อยก็ดีครับ เพราะราคาที่ผมได้มาคือไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับราคาตอนใกล้พัก เป็นที่พักที่มีจำนวนไม่กี่ห้องและตกไสตล์จีน ธิเบตเลยครับ สวยงามมาก เหมาะแก่การถ่ายรูป ห้องกว้างมาก ที่นอนเป็นที่นอนไฟฟ้า ห้องน้ำก็ดีสวยงามสะอาด แถมได้รับการต้อนรับจากพนักงานได้ดี เป็นการเองพนักงานมีชวนกินดื่มเหล้าพื้นถิ่น สายเมาอย่าพลาด!! พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ดีเท่าไร แต่ดีกว่าหลายๆ ที่ที่เคยไปพักในประเทศจีน จะใช้วิธีการคุยผ่าน Wechat ถือว่าแปลออกมาได้ดีเลยทีเดียว และที่พักสามารถพาไปเที่ยว One Day Trip ได้ด้วยครับ


DAY 1 : Let’s Go!!!!!

เริ่มทริปที่ “วัดกุยชาน (Guishan Temple) / วัดต้าฝอ”

เนืองจากนั่งรถบัสจากลี่เจียงมาช่วงเที่ยง กว่าจะถึงเมืองแชงกรีล่าคือเย็นพอดี เราเข้าที่พักเสร็จ ออกมามาหาอะไรกินและเดินเล่นย่านเมือง Oldtown
เราก็ตรงดิ่งไปที่ “วัดต้าฝอ” เลย ซึ่งวัดจะอยู่บนเนินเขา ต้องเดินขึ้นไป ในยามค่ำคืนวัดจะมีการเปิดไฟแสงสี (เสียงไม่มา ฮ่าๆ) โดดเด่น ระหว่างเดินขึ้นบันไดเราจะเห็นต้นไม้ประดับแสงสีสวยงาม ด้านบนของวัดกุยชานก็มีหออาคารที่พระประธานองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ และมีกงล้อมนต์สีทอง สูง 23 เมตร ผู้คนนิยมไปหมุนวน
เพื่อให้บทสวดนั้นกังวานไปถึงสรวงสวรรค์ เราก็หมุนเอาฤกษ์เอาชัยกันสักหน่อย ตอนหมุนกงล้อเราจะเห็นความสามัคตีของผู้คน เพราะถ้าคนน้อยจะไม่สามารถหมุนกงล้อได้เลย เพราะหนักมาก ก็จะมีคนมาช่วยหมุนเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นก็พวกเราละ แสตนบายรอช่วยคนอื่นอยู่พักนึง ฮ่าๆ รอบๆ ตัววัดก็จะสามารถมองเห็นรอบๆ เมืองแชงกรีล่าได้ด้วยครับ แต่กลางคืนก็ค่อนข้างจะมืด และอากาศช่วงนี้ค่อนข้างหนาวมาก ก็จะอยู่นานมากไม่ได้ วันแรกถือว่า อิ่มบุญกันไปครับ


DAY 2 : ภูเขาหิมะสือข่า (Shika Snow Mountain)

วันที่มาถึงโรงแรม เราได้ติดต่อซื้อ One-Day Trip ไว้ เป็นการเที่ยวทั้งวันจนถึงเย็นเลยครับ ทริปนี้เรามีจำนวน 10 คน ใช้รถยนต์ 2 คน เบียดกันไปสิครับคันละ 5 คัน
เพราะเป็นรถของรีสอร์ทเอง รถจะมารับตอน 8 โมงเช้าที่รีสอร์ทเลยครับ ตื่นเช้ามาเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการที่หิมะตกปรอยๆ
แต่สิ่งที่กลัวอีกอย่างคือ ถ้าหิมะตกหนัก อาจจะมีแนวโน้มไม่ได้ขึ้นกระเช้าไปบนภูเขา ต้องไปลุ้นเอาหน้างาน

เมื่อไปถึงสถานีเคเบิ้ล เราก็ไปซื้อตั๋วให้เราเรียบร้อยในราคาคนละ 180 หยวน/คน แปลกใจช่วงที่เราไปไม่ค่อยมีคนไป กลัวกระเช้าไม่เปิดมากแต่ก็เปิด
กระเช้าที่เราขึ้นไปมี 4 กระเช้าติดกัน มีการหยุดพักระหว่างทาง หนึ่งจุด ด้วยความที่หิมะตกหนักมากไม่มีใครลงเลย และอยากรีบขึ้นไปบนยอดเขาขึ้นเลย
ซึ่งสูง 4,449 เมตรจากระดับน้ำทะเลซึ่งก็สูงมาก ระหว่างนั่งกระเช้าขึ้นไป หิมะก็ตกแรงขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะเป็นพายุ กระเช้าจะสั่นๆนิดหน่อย บอกเลยกลัวความสูง ฮ่าๆ แต่ตัวกระเช้าเองมีความแข็งแรงไว้ใจได้อยู่

พอไปถึงยอดเขา…แทบไม่อยากลง เพราะอากาศนี้ -7 องศา แถมลมแรงตีเสกหน้าไปอีก ดังนั้นเราจึงเลือกไปจุดแวะพักก่อนเริ่มเดินไปยังจุดสูงสุดของเขา
ทำร่างกายให้อบอุ่น และพร้อมมากที่สุด ด้วยการกินของอุ่นๆถ้าให้ดีอย่าลืมซื้อกระป๋องออกซิเจนติดไปด้วยนะครับ ตัวช่วยที่ดีที่สุด

เริ่มการเดินทางไปชมวิวบนเขา (ชมอะไรมองอะไรแทบไม่เห็น ลมแรงหิมะก็สาดเต็มหน้าไปหมด) แต่จุดประสงค์ก็คือการฝ่าหิมะแล้วเดินไปยังธงหลากสี จุดที่สูงที่สุดบนเขา ยอมรับว่ารอบแรกที่เดินไปสู้ไม่ไหวมีกลับมาจุดพัก ตั้งหลัก แต่ก็กัดฟันไปรอบสอง ซึ่งก็ทำสำเร็จ ให้อารมณ์เหมือนไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ แต่บอกเลยว่าเด็กอนุบาลมาก ฮ่าๆๆ

และ One Day Trip มีพาไปชมทะเลสาบด้วย มีการขี่ม้ากลางทะเลสาบ แต่หนาวมาก หิมะก็ตก ถ้าไม่ขี่ม้าก็คิดว่าไม่มีอะไรเลย


DAY 3

วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery)

เอาละมาถึงวันสุดท้ายของทริปแชงกรีล่าแล้ว วันนี้หิมะก็ต้องปรอยๆ อีกแล้ว การเดินทางเราจะนั่งรถเมล์สาย 3 ไปยังวัดซงจ้านหลิน รถเมล์จอดหน้าวัดเลยครับ
เอาจริงๆ วัดนี้คือ ถ้ามาเมืองแชงกรีล่า ไม่ไปไม่ได้ ตัววัดเป็นวัดที่ออกแนววัดธิเบต ให้ความรู้สึกต่างแตกจากวัดต้าฝอ มีเอกลักษณ์ ถ่ายรูปยังไงก็สวย

เมื่อนั่งรถเมล์ไปถึง จะต้องไปจุดซื้อตั๋วขึ้น Shuttle Bus เข้าไปยังวัดอีกทีนึงครับราคาประมาณ 100 หยวน

เมื่อถึงตัววัดซงจ้านหลิน เราจะต้องขึ้นบันไดอันสูงชัน 146 ขั้น ซึ่งด้านหน้าวัดจะเป็นทะเลสาบลาหมู่ยางชั่ว (Lamuyangcuo Lake) ซึ่งเป็นจุด Best Photo Spot สำหรับการถ่ายรูปวัดซงจ้านหลิน เดี่ยวเราขึ้นไปบนวัดก่อน แล้วจะลงมาถ่ายรูปกัน

ด้านบนของตัววัดจะมีอาคารหลักอยู่ 3 หออาคาร คือ Tsongkhapa Hall, Dratsang Hall, Sakyamuni Hall เราสามารถเข้าไปเคารพ กราบไหว้องค์พระได้ครับ แต่ไม่สามารถถ่ายรูปได้

สถาปัตยกรรมสวยงามมีความเป็นวัดธิเบต มีเอกลักษณ์น่าจดจำมาก การสร้างสรรค์งานภาพขึ้นอยู่แต่ละคนแล้วละครับ ว่าจะถ่ายภาพออกมาแนวไหน แอดก็มีรูปภาพมาฝากให้เป็นแนวทางในการถ่ายภาพครับ

ทะเลสาบลาหมู่ยางชั่ว (Lamuyangcuo Lake)

ทะเลสาบจะอยู่ทางด้านหน้าของวัดซงจ้านหลิน จะเป็นเส้นทางเดินรอบทะเลสาบ แต่ละจุดจะมีบอกให้แวะถ่ายรูป แวะพักผ่อน นอกจากจะเห็นวัดจากหน้าทะเลสาบแล้ว บรรยากาศทะเลสาบจะมีทั้งจามรี วัว ม้า เป็ด เดินเต็มไปหมดแต่ละจุดมีความสวยงาม ให้เวลากับตรงนี้หน่อยครับ เพราะบรรยากาศดีมาก

เมืองเก่าตู๋เค่อจง (Dukezong Ancient Town)

กลับจากวัดซงจ้านหลิน เราก็นั่งรถเมล์กลับมาจากยังที่พักระหว่างกลับไปที่พักเราก็ไปเดินเล่นย่าน Old Town เพราะอยู่แถวๆ ที่พัก ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็เดินเที่ยวเล่นทุกวันอยู่แล้ว วันนี้เรียกว่าค่าเวลา ระหว่างที่เราจะเก็บกระเป๋าไปยังสนามบินแชงกรีล่า เพื่อไปคุนหมิง ในรอบเวลา 21.30 น.

ช่วงที่ไปเที่ยวคือต้นเดือนมีนาคม อากาศหนาวมาก มีนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะมาก แต่ก็ดีสำหรับผมนะ เพราะว่า คนไม่ได้พลุกพล่าน ถ่ายรูปกันมันส์เลย
เพราะตัวเมืองมีความเก่าแก่ สวยงามชอบอะไรที่เป็นแนวเก่าๆ แบบนี้อยู่แล้ว มีร้านอาหาร มีของฝากเยอะแยะ แถมยังมีบาร์เล็กๆน่ารักให้เราไปนั่งชิลล์
พอกลางคืนก็จะมีการรำแก้หนาว รอบกองไฟ อดที่จะไปแจมด้วยไมได้เลยจริงๆ

เต็มอิ่มสำหรับเมืองแชงกรีล่า ได้ท่องเที่ยว ได้พัก ออกแนวจีนธิเบต สัมผัสวัฒนธรรมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เดี่ยวทริปต่อไป จะรีวิวทริปเมืองลี่เจียงๆ
ถ้าได้เห็นภาพ แล้วไม่บอกว่าเป็นประเทศจีน จะไม่เชื่อเป็นอันขาด เพราะมีความรู้สึกเหมือนไปเทือกเขาแถวยุโรปเลยครับ อย่าลืมติดตามครับ

รีวิว by แอดหนวด
#hangaround #LiveCurious #รีวิวแชงกรีล่า

Leave a Comment